ปัญหาที่ใครหลายๆ คนอาจพบเจอว่า ทำไมค่าไฟถึงแพง? เกิดจากสาเหตุอะไร และยิ่งในช่วง WFH ที่เราต้องทำงานอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มอย่างเท่าตัว! เลยอยากให้ทุกคนลองเช็คดูก่อนอันดับแรกว่าหลอดไฟแต่ละหลอดภายในบ้านที่เราใช้อยู่ปัจจุบันตอนนี้ เป็นหลอดไฟประเภทไหนกัน?
เนื่องจากในปัจจุบัน มีหลอดไฟให้เลือกหลายรูปแบบ หลายประเภท บางคนอาจยังไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจซื้อแบบไหนที่ดีที่สุด เราจะมาช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับหลอดไฟแต่ละแบบนั้นว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร…

เรามาเริ่มทำความเข้าใจ ประเภทของหลอดไฟกันก่อนดีกว่า...
1. หลอดไส้ หรือ หลอดอินแคนเดสเซนต์
หลอดดวงเทียนใสประเภทนี้เราจะรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในอดีต เพราะนิยมใช้งานกันอย่างมากที่สุด ซึ่งภายในหลอดประกอบด้วยขดลวด เมื่อเกิดความร้อนจะเกิดแสงขึ้นมาจากขดลวด มีปริมาณวัตต์ไฟฟ้าสูง ทำให้เกิดปัญหาค่าไฟแพง เนื่องจากสูญเสียพลังงานเป็นอย่างมากและมีอายุการใช้งานน้อย
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือ หลอดตะเกียบ
เป็นหลอดไฟแก้วทรงกระบอกที่มีความนิยมสูงในปัจจุบัน มีรูปทรงหลากหลาย เช่น แบบเกลียว แบบหลอดสี่แถว ลักษณะมีไส้โลหะทังสเตนและสารปรอทบรรจุอยู่ภายในหลอด กระแสอิเลคตรอนวิ่งชนไอโลหะและก๊าซเฉื่อย ที่อยู่ภายในหลอด ทำให้เกิดแสง UV เมื่อแสง UV มากระทบสารเคลือบที่ข้างหลอด (สารเคลือบชื่อ ฟลูออเรสเซนต์) จะทำให้เกิดการเรืองแสงขึ้น หากหลอดแตกอาจเป็นอันตรายได้ เกิดความร้อนสูงขณะใช้งานนานๆ แต่มีแสงสว่างและอายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้
3. หลอด LED
เป็นหลอดไดโอดเปล่งแสงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ไม่แผ่ความร้อนออกจากไส้โดยตรง โดยเมื่อมีการผ่านกระแสไฟฟ้าให้กับสารกึ่งตัวนำ จะทำให้บริเวณรอยต่อของขั้วเกิดการเปล่งแสงออกมา มีปริมาณวัตต์น้อยทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานต่ำ ช่วยประหยัดค่าไฟ แต่ยังคงให้ความสว่างมาก มีราคาค่อนข้างสูงกว่าหลอดไฟประเภทอื่น แต่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อคำนึงถึงอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ลดความร้อน ช่วยทำให้อุณหภูมิในบ้านเย็นขึ้น ปลอดภัยปราศจากปรอท และสารกลุ่มฮาโลเจนที่เป็นพิษ
อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง: หลอดไฟอัจฉริยะ LED ดีกว่ายังไง?

LightMe จึงได้ทำรูปภาพเปรียบเทียบระหว่างหลอดไฟแต่ละประเภทมาให้ทุกคนได้ดูกันแบบชัดเจนไปเลยว่ามีความแตกต่างกันยังไง?
โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า หลอด LED จะให้ปริมาณวัตต์ไฟฟ้าที่น้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับหลอดไส้และหลอดฟลูออเรสเซนต์ หากเทียบกับปริมาณลูเมนที่ให้เท่ากันแต่ให้ความสว่างที่มากกว่า แถมให้ความร้อนที่น้อยกว่า แล้วยังเพิ่มความทนทานและอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหากพิจารณาดูแล้ว หลอดโดยทั่วไปนั้นมีอายุเฉลี่ยเพียง 2-3 ปีเท่านั้น
ข้อแนะนำ: หากต้องการซื้อหลอดไฟให้ดูปริมาณวัตต์ (Watt) ถ้าจำนวนวัตต์น้อยก็จะกินไฟน้อยตามไปด้วย

การเลือกซื้อหลอดไฟนอกจากจะเลือกรูปแบบประเภทของหลอดไฟ แล้วนั้นควรนึกถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญเป็นอันดับแรก เราไม่ควรที่จะพิจารณาเรื่องราคาอย่างเดียว เพราะหลอดไฟเป็นสิ่งจำเป็นที่เราใช้อยู่ในทุกๆวัน หากต้องเลือกหลอดไฟสักอัน ควรพิจารณาเลือกซื้อสิ่งที่ดีและมีคุณภาพไปเลย เพื่อตัวเองและคนในครอบครัวดังนั้นควรตรวจสอบ วัสดุ คุณภาพ มาตรฐานการผลิตและคำนึงถึงการใช้งานในระยะยาวด้วย..
LightMe มาตรฐานยุโรป Conformite Europeene รับประกันคุณภาพสินค้านาน 1 ปี หากสินค้ามีปัญหาเปลี่ยนได้ภายใน 7 วันพร้อมบริการช่วยเหลือลูกค้าหลังการขายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
– Inbox เพจ LightMe (หรือคลิ๊ก m.me/lightmeth)
LightMe All Colors

การจัดส่ง :
บริการจัดส่งฟรี

ประกันสินค้า :
ประกันคุณภาพสินค้า 1 ปี
อ่านเพิ่มเติม >
LightMe All Whites

การจัดส่ง :
บริการจัดส่งฟรี

ประกันสินค้า :
ประกันคุณภาพสินค้า 1 ปี
อ่านเพิ่มเติม >
LightMe Striplight Gen2

การจัดส่ง :
บริการจัดส่งฟรี

ประกันสินค้า :
ประกันคุณภาพสินค้า 1 ปี
อ่านเพิ่มเติม >
One thought on “รู้หรือไม่? หลอดไฟแบบไหนดีที่สุด”